Browse By

Tag Archives: แมนเชสเตอร์ ซิตี้

เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ประทับใจกับการจัดพิธีอำลาของ อินเตอร์ ไมอามี่

กลายเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่แฟนฟุตบอลทั่วโลกพูดถึงมากที่สุด เมื่ออินเตอร์ ไมอามี่ สโมสรดังแห่งเมเจอร์ลีก จัดพิธีอำลาให้กับ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ห้องเครื่องจอมเก๋าชาวสเปน ที่ประกาศอำลาการค้าแข้งอย่างเป็นทางการ หลังจากเดินทางผ่านเส้นทางลูกหนังระดับตำนานมายาวนานกว่าสองทศวรรษ ทั้งกับบาร์เซโลนา ทีมชาติสเปน และช่วงสุดท้ายกับอินเตอร์ ไมอามี่ ที่เต็มไปด้วยความผูกพันทางอารมณ์อย่างลึกซึ้งกับเพื่อนร่วมทีมอย่างลิโอเนล เมสซี่, จอร์ดี อัลบา และโค้ชเก่าอย่างเคราร์ด มาร์ติโน พิธีอำลาของบุสเก็ตส์จัดขึ้นอย่างอลังการบนสนามเชส สเตเดี้ยม ซึ่งเป็นสนามเหย้าชั่วคราวของอินเตอร์ ไมอามี่ในบางแมตช์ ก่อนที่พวกเขาจะย้ายเข้าสู่สนามแห่งใหม่ในอนาคต ภายในสนามถูกประดับประดาด้วยแสงไฟสีชมพูและดำ—สีประจำสโมสร—ทั่วทั้งอัฒจันทร์ พร้อมจอ LED ขนาดยักษ์ที่ฉายภาพแห่งความทรงจำของบุสเก็ตส์ ตั้งแต่วันแรกที่เขาเปิดตัวในชุดแข่งของบาร์เซโลนาเมื่อปี 2008 ไปจนถึงภาพล่าสุดที่เขายืนเคียงข้างเมสซี่ในสีเสื้ออินเตอร์ ไมอามี่ เสียงเพลงประจำสโมสรดังขึ้นท่ามกลางแสงไฟสลัว แฟนบอลหลายหมื่นคนในสนามลุกขึ้นปรบมือและตะโกนชื่อ “บุสเก็ตส์” กึกก้อง สะท้อนให้เห็นถึงความรักและความเคารพที่ทุกคนมีให้กับนักเตะผู้ซึ่งเป็นมากกว่าแค่กองกลาง แต่คือสัญลักษณ์ของความเป็นมืออาชีพและความภักดีในวงการฟุตบอล เมื่อบุสเก็ตส์เดินออกมาจากอุโมงค์พร้อมลูกและภรรยาในชุดสูทเรียบหรู สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง เขายกมือโบกทักทายแฟนบอลด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนก่อนจะหยุดยืนตรงกลางสนาม ซึ่งมีถ้วยรางวัลมากมายจัดแสดงอยู่รอบตัว ทั้งถ้วยลา ลีกา,

เออร์ลิง ฮาแลนด์ เปิดเผยว่าการมีลูกทำให้ตนดีขึ้นกว่าเดิม

หนึ่งในนักเตะที่สะท้อนแนวคิดนี้ได้อย่างชัดเจนคือ เออร์ลิง ฮาแลนด์ ดาวยิงชาวนอร์เวย์ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผู้ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงพีคของอาชีพการค้าแข้ง ทั้งในด้านสถิติการทำประตู ผลงานกับสโมสร และความเป็นผู้นำในสนาม แต่สิ่งที่หลายคนไม่คาดคิดคือ แรงบันดาลใจใหม่ในชีวิตของเขากลับมาจาก “การเป็นพ่อคน” เออร์ลิง ฮาแลนด์ ให้สัมภาษณ์กับสื่ออังกฤษหลังเกมหนึ่งของพรีเมียร์ลีกว่า “การมีลูกทำให้ผมเปลี่ยนไปมาก ผมมีความรับผิดชอบมากขึ้น และมันทำให้ผมมองโลกในมุมที่กว้างกว่าเดิม ทุกอย่างไม่ใช่แค่เรื่องฟุตบอลอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องของการเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกของผมด้วย” คำพูดของเขาเรียบง่ายแต่ทรงพลัง เพราะสะท้อนถึงการเติบโตทางจิตใจของนักเตะที่เคยถูกมองว่าเป็นเพียง “เครื่องจักรถล่มประตู” ที่เยือกเย็นและจริงจังกับเกมเท่านั้น ก่อนหน้านี้ ฮาแลนด์มักถูกยกย่องในฐานะนักฟุตบอลที่มีความเป็นมืออาชีพสูงสุด เขาใช้ชีวิตอย่างมีวินัยตั้งแต่เรื่องการกิน การนอน ไปจนถึงการฝึกซ้อมที่เข้มข้นทุกวัน เขามีเป้าหมายชัดเจนในการพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นอยู่เสมอ แต่การมีลูกดูเหมือนจะช่วยเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิตส่วนตัวของเขา ความสุขที่มาจากครอบครัวกลายเป็นแรงผลักดันใหม่ที่ทำให้เขากลับมาสนุกกับฟุตบอลมากขึ้นกว่าเดิม ในหลายเกมหลังจากข่าวการเป็นพ่อแพร่สะพัดออกไป แฟนบอลต่างสังเกตได้ว่า ฮาแลนด์ดูผ่อนคลายกว่าเดิม เขามีรอยยิ้มมากขึ้นทั้งในสนามและนอกสนาม เขาไม่ได้แค่ยิงประตูเพื่อสร้างสถิติหรือเพื่อทีมเท่านั้น แต่ยังมีแรงบันดาลใจจากความรู้สึกของ “คนเป็นพ่อ” ที่อยากทำให้ลูกภาคภูมิใจ แม้เจ้าตัวจะไม่ค่อยเปิดเผยเรื่องครอบครัวต่อสื่อมากนัก แต่หลายครั้งที่เขาพูดถึงลูก ก็แฝงไปด้วยความรักและความอบอุ่นที่ไม่ค่อยเห็นจากฮาแลนด์ในยุคก่อน กองหน้าวัย 24

เบรนท์ฟอร์ด 0 – แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1: เรือใบสีฟ้าเฉือนหืดแต่เก็บสามแต้มสำคัญ

ค่ำคืนของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เต็มไปด้วยความเข้มข้นเมื่อเบรนท์ฟอร์ดเปิดบ้านรับการมาเยือนของแชมป์เก่าอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกมนี้กลายเป็นบททดสอบสำคัญของทั้งสองทีม ฝั่งเจ้าถิ่นต้องการคะแนนเพื่อขยับหนีโซนตกชั้น ส่วนทีมเยือนของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ต้องการชัยชนะเพื่อรักษาเส้นทางลุ้นแชมป์กับคู่แข่งอย่างลิเวอร์พูลและอาร์เซน่อลให้คงอยู่ต่อไป แม้รูปเกมตลอด 90 นาทีจะเต็มไปด้วยจังหวะบุกของซิตี้เกือบทั้งหมด แต่กว่าที่พวกเขาจะได้ประตูชัยก็ต้องรอจนถึงช่วงท้ายเกม เรือใบสีฟ้าเอาชนะไปแบบเฉือนหืด 1-0 พร้อมเก็บสามแต้มอันล้ำค่าได้สำเร็จ ตั้งแต่เสียงนกหวีดเริ่มเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างชัดเจน พวกเขาครองบอลเหนือกว่าอย่างเบ็ดเสร็จในสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ การต่อบอลสั้นแม่นยำ ไล่บีบพื้นที่ตั้งแต่แดนกลางจนถึงกรอบเขตโทษของเบรนท์ฟอร์ด ทำให้เจ้าบ้านแทบไม่ได้ครองบอลมากนัก อย่างไรก็ตาม เบรนท์ฟอร์ดซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นทีมที่เล่นในบ้านได้แข็งแกร่ง กลับตั้งรับได้อย่างมีระเบียบ พวกเขาอาศัยการจัดแนวรับแน่นหนาและความแข็งแกร่งของแนวหลังในการต้านทานเกมรุกที่ไหลบ่าของซิตี้ แนวรุกของแมนฯ ซิตี้ในเกมนี้นำโดยเออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ที่กลับมาลงสนามเต็มตัวหลังหายจากอาการบาดเจ็บ ขนาบข้างด้วยฟิล โฟเด้น และเจเรมี โดกู ที่สร้างความปั่นป่วนให้แนวรับเจ้าถิ่นได้ตลอดทั้งเกม โดยเฉพาะโดกูที่ใช้ความเร็วและความคล่องตัวเจาะริมเส้นฝั่งซ้ายได้หลายครั้ง แต่การเข้าทำขั้นสุดท้ายของทีมเยือนยังขาดความเฉียบคม ไม่ว่าจะเป็นจังหวะยิงเฉียดเสาไปนิดเดียวของโฟเด้น หรือการโขกหลุดกรอบของฮาแลนด์ในครึ่งแรก ทำให้ครึ่งเวลาแรกจบลงด้วยสกอร์ 0-0 ขณะที่ฝั่งเบรนท์ฟอร์ดเองก็ไม่ได้เน้นเพียงแค่การตั้งรับ พวกเขามีจังหวะสวนกลับที่อันตรายหลายครั้ง